หลังการระบาดของโรค covid-19 วิถีชีวิตในการทำงานของผู้คนจำนวนมากได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อน การทำงานแบบ Hybrid มีอัตราส่วนที่เพิ่มมากขึ้น โดยสไตล์การทำงานแบบเจอกันในออฟฟิตและการทำงานระยะไกล ได้มีการผสมผสานกันและก่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม
บทบาทของ AI ในการประชุมทางวิดีโอ
AI เป็นหัวหอกของโซลูชันการประชุมทางวิดีโอสมัยใหม่ โดยเสนอคุณสมบัติที่เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารสำหรับทั้งผู้เข้าร่วมระยะไกลและในสำนักงาน เทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้แก้ไขปัญหาหลายอย่างที่ทีมไฮบริดเผชิญ เช่น การรักษาการมีส่วนร่วม ความชัดเจน และการรวมกลุ่มระหว่างการประชุมเสมือนจริง นี่คือวิธีที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด:
- การจัดเฟรมภาพอัตโนมัติเพื่อการทำงานร่วมกันแบบครอบคลุม
ในระบบการประชุมทางวิดีโอแบบดั้งเดิม กล้องมุมกว้างมักจะจับภาพทั้งห้องประชุม ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมทางไกลรู้สึกโดดเดี่ยว ระบบการประชุมทางวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยเปลี่ยนแปลงความรู้สึกนี้ ด้วยเทคโนโลยีการจัดเฟรมภาพอัตโนมัติ โดยคุณสมบัตินี้จะช่วยตรวจจับและติดตามผู้เข้าร่วมประชุมอย่างชาญฉลาด ปรับมุมมองของกล้องอัตโนมัติเพื่อโฟกัสที่ผู้พูดที่กำลังพูดอยู่หรือกลุ่มทั้งหมด ไม่ว่าใครจะกำลังนำเสนอ ยืนขึ้น หรือเคลื่อนไหวไปรอบๆ ห้อง กล้องจะทำให้พวกเขาอยู่ในโฟกัส ทำให้ผู้ร่วมการประชุมทางไกลรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนา ไม่ใช่แค่ผู้สังเกตการณ์
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้เข้าร่วมทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็มองเห็นและมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การประชุมที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

- การติดตามผู้พูดเพื่อการมีส่วนร่วมที่ดีขึ้น
ในห้องประชุมขนาดใหญ่ ผู้เข้าร่วมประชุมทางไกลอาจพบปัญหาในการระบุว่าใครเป็นคนพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหลายคนเข้าร่วมในการสนทนา การติดตามผู้พูดที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยการระบุผู้พูดที่กำลังพูดอยู่โดยอัตโนมัติและซูมเข้าไปที่พวกเขา ช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมทางไกลสามารถติดตามการสนทนาได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
ระบบการติดตามอัจฉริยะนี้เป็นการเลียนแบบลักษณะตามธรรมชาติในการประชุมแบบพบหน้า ซึ่งผู้คนมุ่งเน้นไปที่ผู้พูดโดยสัญชาตญาณ ด้วยฟีเจอร์นี้สามารถช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมในการประชุม โดยที่ผู้เข้าร่วมประชุมทางไกลไม่จำเป็นต้องเดาเอาเองว่าใครกำลังพูดอยู่ในขณะนี้
- การตัดเสียงรบกวนเพื่อเสียงที่คมชัด หนึ่งในความท้าทายของทำงานแบบไฮบริดคือความแปรปรวนของสภาพแวดล้อมในการประชุม ในขณะที่การประชุมในสำนักงานมักจัดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและควบคุมได้ ผู้เข้าร่วมประชุมระยะไกลอาจเข้าร่วมจากที่ทำงานที่บ้าน ร้านกาแฟ หรือสถานที่ที่มีเสียงดังอื่นๆ ดังนั้นฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนแบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถช่วยกรองเสียงที่ไม่ต้องการออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเสียงพัดลมระบายอากาศ เสียงถนน หรือเสียงสุนัขเห่า ทำให้ผู้เข้าร่วมการประชุมสามารถได้ยินเพียงเสียงของผู้พูดอย่างชัดเจน
คุณสมบัตินี้ช่วยเพิ่มคุณภาพของเสียงอย่างมาก ทำให้มั่นใจได้ว่าการรบกวนลดลง และผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนสามารถมุ่งเน้นไปที่การสนทนาได้โดยไม่ต้องหงุดหงิดกับการขัดจังหวะที่อาจเกิดขึ้น
- การปรับแสงแบบไดนามิกเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจน สภาพแสงที่ไม่ดีสามารถลดคุณภาพวิดีโอได้อย่างมาก ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมระยะไกลมองเห็นผู้เข้าประชุมในสำนักงานได้ยาก เครื่องมือการประชุมทางวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถตรวจจับระดับแสงและปรับการตั้งค่ากล้องแบบเรียลไทม์ ทำให้มั่นใจได้ว่าภาพของผู้เข้าร่วมประชุมมีความสว่างที่มากเพียงพอ ไม่ว่าจะอยู่ในห้องประชุมที่สว่าง หรืออยู่ในพื้นที่ๆ มีแสงน้อย
คุณสมบัตินี้ช่วยให้ภาพมีความคมชัด ทำให้การโต้ตอบมีความเป็นธรรมชาติและช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมรู้สึกเชื่อมต่อกันมากขึ้นไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
- การถอดเทปและการแปลแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยี AI สามารถช่วยถอดเทปและแปลภาษาแบบเรียลไทม์ในระหว่างการประชุมทางวิดีโอ คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยทำให้การประชุมครอบคลุมมากขึ้น โดยรองรับภาษาต่างๆ และรองรับผู้เข้าร่วมประชุมที่บกพร่องทางการได้ยิน แพลตฟอร์มอย่าง Zoom และ Microsoft Teams นั้นมีบริการถอดเทปและการแปลที่ขับเคลื่อนด้วย AI อยู่แล้ว ช่วยทำลายอุปสรรคด้านภาษาและส่งเสริมการสื่อสารที่ราบรื่นยิ่งขึ้นในการประชุมทางไกล

6. สรุปการประชุมอัตโนมัติ การจดบันทึกระหว่างการประชุมอาจน่าเบื่อ แต่ AI ทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นด้วยการสรุปการประชุมอัตโนมัติ ด้วยเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถช่วยวิเคราะห์การสนทนา ระบุประเด็นสำคัญ และส่งมอบสรุปพร้อมกับรายการงานที่ต้องดำเนินการ สิ่งนี้ช่วยให้ทีมงานติดตามความคืบหน้า ประหยัดเวลาในการติดตามหลังการประชุม และมั่นใจได้ว่าไม่มีสิ่งสำคัญใดๆ ถูกมองข้าม
7. การจดจำใบหน้าและการวิเคราะห์อารมณ์ การวิเคราะห์สัญญาณใบหน้า AI สามารถกำหนดได้ว่าผู้เข้าร่วมประชุมกำลังตั้งใจฟัง กำลังเบลอ หรือไม่สนใจ ข้อมูลนี้มีค่าสำหรับการปรับปรุงผลลัพธ์ของการประชุมโดยการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับรูปแบบการสื่อสารและการมีส่วนร่วมของผู้ร่วมการประชุม

- พื้นหลังเสมือนจริงและการเบลออัจฉริยะ ในพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด ผู้เข้าร่วมประชุมมักเข้าร่วมการประชุมจากสถานที่ต่างๆ ซึ่งบางสถานที่ก็อาจจะดูไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งฟังก์ชันการเบลอภาพพื้นหลังโดยอัตโนมัติหรือแทนที่ด้วยภาพเสมือนจริง จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมรักษาความเป็นมืออาชีพแม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ๆ ไม่เอื้ออำนวย
อนาคตของ AI ในพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด เมื่อเทคโนโลยี AI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การประชุมทางวิดีโอจะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งเรามีแนวโน้มที่จะเห็นนวัตกรรมในด้านต่างๆ เช่น ผู้ช่วยการประชุมเสมือนจริง การผสานรวมความเป็นจริงเสริม (AR) และการวิเคราะห์ขั้นสูงที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการประชุม ความก้าวหน้าเหล่านี้จะช่วยเพิ่มพลังให้กับพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด ทำให้ฉลาดขึ้น ปรับตัวได้ดีขึ้น และพร้อมรับมือกับความท้าทายของสถานที่ทำงานสมัยใหม่มากขึ้น
ESCO เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในด้านโซลูชัน AV มาอย่างยาวนาน เราสามารถนำเสนอเทคโนโลยีที่เหมาะกับการประชุมแบบไฮบริดให้เหมาะกับความต้องการและขนาดของพื้นที่ห้อง ติดต่อเราวันนี้เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมงานของเราได้ที่ sales@esco-th.com
References:
AI-powered video conferencing- Business Standard
เขียนบทความโดย : Aashmitha Hira
แปลและเรียบเรียง : Ganyanat Boonto