November 12, 2024

เปลี่ยนพื้นที่การทำงานแบบไฮบริดด้วยการประชุมทางวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI

หลังการระบาดของโรค covid-19 วิถีชีวิตในการทำงานของผู้คนจำนวนมากได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อน การทำงานแบบ Hybrid มีอัตราส่วนที่เพิ่มมากขึ้น โดยสไตล์การทำงานแบบเจอกันในออฟฟิตและการทำงานระยะไกล ได้มีการผสมผสานกันและก่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม

บทบาทของ AI ในการประชุมทางวิดีโอ

AI เป็นหัวหอกของโซลูชันการประชุมทางวิดีโอสมัยใหม่ โดยเสนอคุณสมบัติที่เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารสำหรับทั้งผู้เข้าร่วมระยะไกลและในสำนักงาน เทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้แก้ไขปัญหาหลายอย่างที่ทีมไฮบริดเผชิญ เช่น การรักษาการมีส่วนร่วม ความชัดเจน และการรวมกลุ่มระหว่างการประชุมเสมือนจริง นี่คือวิธีที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด:

  1. การจัดเฟรมภาพอัตโนมัติเพื่อการทำงานร่วมกันแบบครอบคลุม

ในระบบการประชุมทางวิดีโอแบบดั้งเดิม กล้องมุมกว้างมักจะจับภาพทั้งห้องประชุม ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมทางไกลรู้สึกโดดเดี่ยว ระบบการประชุมทางวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยเปลี่ยนแปลงความรู้สึกนี้ ด้วยเทคโนโลยีการจัดเฟรมภาพอัตโนมัติ โดยคุณสมบัตินี้จะช่วยตรวจจับและติดตามผู้เข้าร่วมประชุมอย่างชาญฉลาด ปรับมุมมองของกล้องอัตโนมัติเพื่อโฟกัสที่ผู้พูดที่กำลังพูดอยู่หรือกลุ่มทั้งหมด ไม่ว่าใครจะกำลังนำเสนอ ยืนขึ้น หรือเคลื่อนไหวไปรอบๆ ห้อง กล้องจะทำให้พวกเขาอยู่ในโฟกัส ทำให้ผู้ร่วมการประชุมทางไกลรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนา ไม่ใช่แค่ผู้สังเกตการณ์

เทคโนโลยีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้เข้าร่วมทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็มองเห็นและมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การประชุมที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

  1. การติดตามผู้พูดเพื่อการมีส่วนร่วมที่ดีขึ้น

ในห้องประชุมขนาดใหญ่ ผู้เข้าร่วมประชุมทางไกลอาจพบปัญหาในการระบุว่าใครเป็นคนพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหลายคนเข้าร่วมในการสนทนา การติดตามผู้พูดที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยการระบุผู้พูดที่กำลังพูดอยู่โดยอัตโนมัติและซูมเข้าไปที่พวกเขา ช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมทางไกลสามารถติดตามการสนทนาได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

ระบบการติดตามอัจฉริยะนี้เป็นการเลียนแบบลักษณะตามธรรมชาติในการประชุมแบบพบหน้า ซึ่งผู้คนมุ่งเน้นไปที่ผู้พูดโดยสัญชาตญาณ ด้วยฟีเจอร์นี้สามารถช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมในการประชุม โดยที่ผู้เข้าร่วมประชุมทางไกลไม่จำเป็นต้องเดาเอาเองว่าใครกำลังพูดอยู่ในขณะนี้

  1. การตัดเสียงรบกวนเพื่อเสียงที่คมชัด หนึ่งในความท้าทายของทำงานแบบไฮบริดคือความแปรปรวนของสภาพแวดล้อมในการประชุม ในขณะที่การประชุมในสำนักงานมักจัดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและควบคุมได้ ผู้เข้าร่วมประชุมระยะไกลอาจเข้าร่วมจากที่ทำงานที่บ้าน ร้านกาแฟ หรือสถานที่ที่มีเสียงดังอื่นๆ ดังนั้นฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนแบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถช่วยกรองเสียงที่ไม่ต้องการออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเสียงพัดลมระบายอากาศ เสียงถนน หรือเสียงสุนัขเห่า ทำให้ผู้เข้าร่วมการประชุมสามารถได้ยินเพียงเสียงของผู้พูดอย่างชัดเจน

คุณสมบัตินี้ช่วยเพิ่มคุณภาพของเสียงอย่างมาก ทำให้มั่นใจได้ว่าการรบกวนลดลง และผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนสามารถมุ่งเน้นไปที่การสนทนาได้โดยไม่ต้องหงุดหงิดกับการขัดจังหวะที่อาจเกิดขึ้น

  1. การปรับแสงแบบไดนามิกเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจน สภาพแสงที่ไม่ดีสามารถลดคุณภาพวิดีโอได้อย่างมาก ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมระยะไกลมองเห็นผู้เข้าประชุมในสำนักงานได้ยาก เครื่องมือการประชุมทางวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถตรวจจับระดับแสงและปรับการตั้งค่ากล้องแบบเรียลไทม์ ทำให้มั่นใจได้ว่าภาพของผู้เข้าร่วมประชุมมีความสว่างที่มากเพียงพอ ไม่ว่าจะอยู่ในห้องประชุมที่สว่าง หรืออยู่ในพื้นที่ๆ มีแสงน้อย

คุณสมบัตินี้ช่วยให้ภาพมีความคมชัด ทำให้การโต้ตอบมีความเป็นธรรมชาติและช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมรู้สึกเชื่อมต่อกันมากขึ้นไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

  1. การถอดเทปและการแปลแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยี AI สามารถช่วยถอดเทปและแปลภาษาแบบเรียลไทม์ในระหว่างการประชุมทางวิดีโอ คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยทำให้การประชุมครอบคลุมมากขึ้น โดยรองรับภาษาต่างๆ และรองรับผู้เข้าร่วมประชุมที่บกพร่องทางการได้ยิน แพลตฟอร์มอย่าง Zoom และ Microsoft Teams นั้นมีบริการถอดเทปและการแปลที่ขับเคลื่อนด้วย AI อยู่แล้ว ช่วยทำลายอุปสรรคด้านภาษาและส่งเสริมการสื่อสารที่ราบรื่นยิ่งขึ้นในการประชุมทางไกล

6.  สรุปการประชุมอัตโนมัติ การจดบันทึกระหว่างการประชุมอาจน่าเบื่อ แต่ AI ทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นด้วยการสรุปการประชุมอัตโนมัติ ด้วยเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถช่วยวิเคราะห์การสนทนา ระบุประเด็นสำคัญ และส่งมอบสรุปพร้อมกับรายการงานที่ต้องดำเนินการ สิ่งนี้ช่วยให้ทีมงานติดตามความคืบหน้า ประหยัดเวลาในการติดตามหลังการประชุม และมั่นใจได้ว่าไม่มีสิ่งสำคัญใดๆ ถูกมองข้าม

7.  การจดจำใบหน้าและการวิเคราะห์อารมณ์ การวิเคราะห์สัญญาณใบหน้า AI สามารถกำหนดได้ว่าผู้เข้าร่วมประชุมกำลังตั้งใจฟัง กำลังเบลอ หรือไม่สนใจ ข้อมูลนี้มีค่าสำหรับการปรับปรุงผลลัพธ์ของการประชุมโดยการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับรูปแบบการสื่อสารและการมีส่วนร่วมของผู้ร่วมการประชุม

  1. พื้นหลังเสมือนจริงและการเบลออัจฉริยะ ในพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด ผู้เข้าร่วมประชุมมักเข้าร่วมการประชุมจากสถานที่ต่างๆ ซึ่งบางสถานที่ก็อาจจะดูไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งฟังก์ชันการเบลอภาพพื้นหลังโดยอัตโนมัติหรือแทนที่ด้วยภาพเสมือนจริง จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมรักษาความเป็นมืออาชีพแม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ๆ ไม่เอื้ออำนวย

อนาคตของ AI ในพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด เมื่อเทคโนโลยี AI มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การประชุมทางวิดีโอจะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งเรามีแนวโน้มที่จะเห็นนวัตกรรมในด้านต่างๆ เช่น ผู้ช่วยการประชุมเสมือนจริง การผสานรวมความเป็นจริงเสริม (AR) และการวิเคราะห์ขั้นสูงที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการประชุม ความก้าวหน้าเหล่านี้จะช่วยเพิ่มพลังให้กับพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด ทำให้ฉลาดขึ้น ปรับตัวได้ดีขึ้น และพร้อมรับมือกับความท้าทายของสถานที่ทำงานสมัยใหม่มากขึ้น

ESCO เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในด้านโซลูชัน AV มาอย่างยาวนาน เราสามารถนำเสนอเทคโนโลยีที่เหมาะกับการประชุมแบบไฮบริดให้เหมาะกับความต้องการและขนาดของพื้นที่ห้อง ติดต่อเราวันนี้เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมงานของเราได้ที่ sales@esco-th.com

References:

AI-powered video conferencing- Business Standard

เขียนบทความโดย : Aashmitha Hira

แปลและเรียบเรียง : Ganyanat Boonto

บทความอื่นๆ


'}}
ในยุคดิจิทัลที่การประชุมเสมือนจริงมีบทบาทสำคัญ การใช้ Video Walls ในห้องประชุมเสมือนจริงถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การประชุมให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น โดยมีประโยชน์หลักๆ ดังนี้ สรุปได้ว่า Video Walls เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับการประชุมเสมือนจริง ช่วยเสริมสร้างความชัดเจน ประสิทธิภาพ และเพิ่มความสมจริงในการประชุม ช่วยให้การสื่อสารในองค์กรเป็นไปได้อย่างราบรื่นและสร้างผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

News & Insights

'}}
เทคโนโลยี AV ความละเอียดสูง (HD) โดยเฉพาะจอแสดงผล 4K และ 8K กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ผู้บริโภคใช้เสพเนื้อหา และการนำเสนอข้อมูล เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้ยังคงพัฒนาต่อไปจึงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่อุสาหกรรมด้านความบันเทิงและการศึกษา ตลอดไปจนถึงธุรกิจและอื่นๆ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาสำรวจว่าเทคโนโลยี AV ความละเอียดสูงนั้น ช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้แก่ผู้ใช้งานส่งผลต่อการสื่อสารด้วยภาพอย่างไรบ้าง ความคมชัดของภาพที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมความบันเทิง: มาตรฐานใหม่ของการรับชมความบันเทิง อุตสาหกรรมความบันเทิงมักเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และจอแสดงผลความละเอียดสูงก็เช่นกัน การมาของจอ 4K และ 8K ได้ยกระดับประสบการณ์การรับชมไปอีกขั้น มอบความคมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่น่าประทับใจ ซึ่งเราไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้มาก่อน สำหรับภาพยนตร์และโทรทัศน์ ความก้าวหน้าเหล่านี้หมายถึงผู้ชมสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อหาที่มีชีวิตชีวาและมีความละเอียดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งบริการสตรีมมิง คอนโซลเกม รวมทั้งระบบโฮมเธียเตอร์ต่างก็นำเทคโนโลยีความละเอียดสูงระดับ 4K หรือสูงกว่านั้นมาใช้งาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การรับชมที่เหนือกว่าให้กับผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น ในการเล่นเกมนั้น จอแสดงผล Ultra-HD มอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำยิ่งขึ้น ด้วยกราฟิกที่คมชัดและอัตราเฟรมที่รวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนอยู่ในเกมจริงๆ คุณภาพของจอภาพที่ก้าวกระโดดนี้ยังผลักดันให้เกิดความต้องการของหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องพัฒนาทีวีความละเอียดแบบ 4K และ 8K ที่มีราคาย่อมเยาและเข้าถึงได้ ในแง่ดีจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงจอแสดงผลคุณภาพระดับพรีเมียมได้มากขึ้น ความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรมความบันเทิงในการผลิตเนื้อหาช่วยให้เราให้มั่นใจได้ว่า อนาคตของประสบการณ์ในการรับชมของผู้บริโภคจะยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม เรียนรู้แบบมีส่วนร่วม: […]

News & Insights